อีลอน มัสก์และ วิเวก รามาสวามี จะทำอย่างไรกับระบบราชการสหรัฐอเมริกาที่มีขนาดใหญ่ หลังทรัมป์ ประกาศตั้งหน่วยงานประสิทธิภาพรัฐบาล DOGE ( Department of Government Efficiency )
ดร. สุชาติ มั่นคงพิทักษ์กุล นักวิชาการอิสระด้านนโยบายสาธารณะ การบริหารจัดการความขัดแย้ง๓จังหวัดชายแดนภาคใต้ นักวิจัยและนักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีAI
เป้าหมายในการปรับขนาดของระบบราชการสหรัฐอเมริกา เกิดขึ้นตั้งแต่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยอีลอน มัสก์ ออกมาเปิดเผยตัวชัดเจนต่อสาธารณะว่าจะสนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์ ให้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป โดยกล่าวว่า อีลอน มัสก์เองจะขอเข้ามาปฏิรูประบบราชการให้มีขนาดเล็กลง สนับสนุนการลดการใช้จ่ายภาครัฐในวงกว้าง เรียกร้องให้มีการตัดงบประมาณของรัฐบาลถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวคิดจะยุบหน่วยงานหลายแห่งที่ทำงานซ้ำซ้อนกัน
จึงได้มีแนวคิดในการจัดตั้งหน่วยงานที่เรียกว่า Department of Government Efficiency หรือ "DOGE" หรือ หน่วยงานประสิทธิภาพรัฐบาล เพื่อมีหน้าที่ทำการตรวจสอบและลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ที่คาดว่ามีมูลค่าประมาณ 6.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีของรัฐบาลกลาง
หน่วยงาน DOGE ได้ถูกจัดตั้งขึ้น DOGE ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐอย่างเป็นทางการ ที่จะต้องผ่านกฎหมายของสภาคองเกรส แต่ DOGE จะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานที่ปรึกษาภายนอกให้ทำเนียบขาวสามารถใช้แนวทางลดขนาดรัฐ ขจัดกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น ตัดค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง และปรับโครงสร้างหน่วยงานรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพ
ความเป็นมาและบทบาทหน้าที่ของ DOGE หน่วยงานหรือกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2024 รอการก่อตั้งอย่างเป็นทางการ โดยมีสัญลักษณ์โลโก้ของหน่วยงานดังรูปที่ 1ดังนี้
รูปที่ 1 สัญลักษณ์โลโก้ของหน่วยงาน DOGE
กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล เป็นคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐที่เตรียมการก่อตั้ง ซึ่งประกาศโดยดอนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับกการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่สอง นำโดยอีลอน มัสก์และวิเวก รามสวามี แม้จะมีชื่อแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นหน่วยงานของรัฐอย่างเป็นทางการ เนื่องจากการก่อตั้งหน่วยงานนี้ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา
มัสก์กล่าวว่าเขาเชื่อว่าคณะกรรมการดังกล่าวจะสามารถลดงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐได้ 2 ล้านล้านดอลลาร์ เจมี่ ไดมอนซีอีโอของเจพีมอร์แกนเชสสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว นักวิจารณ์บางคนตั้งคำถามว่า กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลถือเป็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์สำหรับมัสก์หรือไม่ เนื่องจากบริษัทของเขาเป็นผู้รับงานจากรัฐบาลกลาง
ในเดือนพฤศจิกายน 2024 โดนัลด์ ทรัมป์ได้เลือกนักธุรกิจพันล้านอย่างอีลอน มัสก์และ วิเวก รามสวามีให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในฐานะคณะกรรมาธิการร่วม เนื่องจากคาดว่ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลจะเป็นรัฐมนตรีที่ปรึกษา (และไม่ใช่หน่วยงานอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐ) ความเป็นรัฐมนตรีจึงไม่จำเป็นต้องได้รับการยืนยันจากวุฒิสภาแต่ทำหน้าที่ตามความพอใจของประธานาธิบดีแทน
แม้จะมีชื่อดังกล่าวแต่ก็ไม่น่าจะใช่หน่วยงานบริหารระดับรัฐบาลกลางซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยรัฐบัญญัติของรัฐสภาและน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานบริหารของประธานาธิบดีหรือคณะกรรมาธิการของประธานาธิบดีที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานบริหารงบประมาณ
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ ดังรูปภาพที่ 2 และ วิเวก รามาสวามี เดินทางไปที่ Capitol Hill เพื่อเสนอแนวคิดสำหรับ "Department of Government Efficiency" หรือ DOGE ของประธานาธิบดีที่ได้รับ
รูปที่ 2 อีลอน มัสก์ พร้อมลูกชาย และวิเวก รามาสวามี ไปประชุมที่ Capitol Hill ภาพจากเว็บไซต์ BBC.com
เลือก Donald Trump และ ทั้งสองจะหารือเกี่ยวกับ แนวคิดการปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ เพื่อฟื้นฟูหลักการของรัฐบาลที่มีข้อจำกัด คาดว่าจะมีการลดจำนวนพนักงานของรัฐบาลกลางลง 75% การลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางลง 2 ล้านล้านดอลลาร์ และการยกเลิกหน่วยงานทั้งหมด เช่น สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านการเงิน (Consumer Financial Protection Bureau)
เราลองมาศึกษาดูถึงบทบาทหน้าที่ และวัตถุประสงค์ของ DOGE ว่าจะเป็นอย่างไร และ มีกรอบแนวคิดในการบริหารจัดการภาครัฐอย่างไร ในเรื่องของการปฏิรูประบบราชการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
DOGE ย่อมาจาก Department of Government Efficiency ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่มีหน้าที่หลักในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐ
หน่วยงานนี้มีหน้าที่หลักในการ:
หน้าที่หลัก
วัตถุประสงค์
กรอบแนวคิดในการเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา จึงถูกนำเสนอเพื่อเป็นแนวทางในการจัดการและบริหารการจัดการภาครัฐเพื่อให้เป็นรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตามแนวคิดของผู้นำทั้งสองของหน่วยงาน DOGE ตามรูปที่ 3 ข้างล่าง เป็นกรอบแนวคิดรัฐบาลประสิทธิภาพสหรัฐอเมริกา โดยมีรายละเอียดดังนี้
รูปที่ 3 กรอบแนวคิดรัฐบาลประสิทธิภาพสหรัฐอเมริกา
การเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย โดยมุ่งเน้นที่เทคโนโลยี การปฏิรูปนโยบาย และการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร ดังนี้:
จากข้อมูลโดยสภาพทั่วไปในด้านงบประมาณค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลางในช่วง ปี 2023 จะเห็นได้ว่า
ในปี 2023 มีเพียง 16% ของการใช้จ่ายของรัฐบาล 6.1 ล้านล้านดอลลาร์ที่ใช้กับโปรแกรมดุลยพินิจ ( discretionary programs ) ที่ไม่เกี่ยวกับการป้องกัน เช่น สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านการเงิน และการลดการใช้จ่ายด้านการป้องกัน ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่สมาชิกสภานิติบัญญัติและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทของอีลอน มัสก์ ไม่น่าจะได้รับการสนับสนุนมากนัก
เกือบสามในสี่ของการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางในปี 2023 เป็นการใช้จ่ายภาคบังคับ ( mandatory spending ) สำหรับโปรแกรม เช่น ประกันสังคม Medicare และ Medicaid นอกจากนี้มีข้อสังเกตว่า สำหรับจำนวนพนักงานของรัฐบาลกลาง ยังคงมีขนาดใกล้เคียงเดิมตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1960
บทเรียนที่ผ่านมาของรัฐบาลสหรัฐที่มีการปฏิรูปในระบบราชการ และการจัดการการใช้จ่ายของรัฐบาล เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพนั้น เกิดขึ้นในสมัยประธานาธิบดีคนไหนบ้าง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ในปี 1982 ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ได้อนุมัติการสำรวจการควบคุมค่าใช้จ่ายในภาคเอกชน หรือที่รู้จักในชื่อคณะกรรมการเกรซ โดยมีนักธุรกิจ เจ. ปีเตอร์ เกรซ เป็นประธาน คณะกรรมการภายนอกนี้ได้จัดทำรายงานที่มีข้อเสนอแนะนับพันข้อ ซึ่งสภาคองเกรสส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสนใจ
เมื่อเทียบกับคณะกรรมการเกรซ ความพยายามนี้ได้จุดประกายการเปลี่ยนแปลง: มีการยุติโครงการของรัฐบาลกลางมากกว่า 100 โครงการ และลดจำนวนงานของรัฐบาลกลางลง 250,000 ตำแหน่ง
ทศวรรษต่อมา รองประธานาธิบดีอัล กอร์ ได้เปิดตัวโครงการความร่วมมือแห่งชาติเพื่อการปรับปรุงรัฐบาลใหม่ โดยมีเป้าหมายในการปรับปรุงและทำให้รัฐบาลมีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ "ทำงานได้ดีขึ้น ใช้จ่ายน้อยลง และได้ผลลัพธ์ที่ชาวอเมริกันใส่ใจ"
อย่างไรก็ดี แนวทางการจัดตั้งหน่วยงานรัฐบาลประสิทธิภาพ ของรัฐบาลทรัมป์ ทำให้เกิดคลื่นกระแสการติดตามข่าวการเคลื่อนไหวของปฏิรูประบบราชการอย่างน่าตื่นเต้น ไม่ว่านักรัฐประศาสนศาสตร์ นักรัฐศาสตร์ และนักวิเคราะห์นโยบายสาธารณะ ตลอดจนนักออกแบบวิเคราะห์และพัฒนาระบบราชการทั่วโลก ต่างเฝ้ามองและติดตามว่า 2 ผู้นำของหน่วยงานจะสร้างกรอบแนวคิดการบริหารจัดการภาครัฐ ในการทำให้รัฐบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นอย่างไร และ จะนำไปสู่ในการปฏิบัติได้อย่างไร
เนื่องจาก มีข้อสังเกตว่า มีการตั้งระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการ DOGE ไปจนถึงวันที่ 4 กรกฎาคม 2026 เท่านั้นอย่างชัดเจน ทำให้กรอบระยะเวลาในการทำงานชัดเจน ประมาณปีครึ่ง ดังนั้น การกำหนดโครงการ ต่าง ๆ ตามกรอบแนวคิดของการทำรัฐบาลให้เกิดประสิทธิภาพ จะต้องมีความแม่นยำในกรอบระยะเวลาที่กำหนดของการนำนโยบายไปปฏิบัติ
กรอบแนวคิดในการเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาลอเมริกันดังกล่าวข้างต้น จึงมีความจำเป็นต้องแบ่งภาระงานให้ 2 ผู้นำของหน่วยงาน DOGE แบ่งกันปฏิบัติหน้าที่ โดยพิจารณาตามความสามารถและประสบการณ์
อีลอน มัสก์ คาดการณ์ว่า จะได้รับผิดชอบหน้าที่ ทางด้านการใช้เทคโนโลยี และความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
ส่วน วิเวก รามาสวามี คาดการณ์ว่า จะได้รับผิดชอบหน้าที่ ทางด้านการลดความซับซ้อนของระบบราชการ และความโปร่งใสและความรับผิดชอบ
และความรับผิดชอบหน้าที่ร่วมกัน ทั้งทางด้าน การวัดผลการปฏิบัติงาน การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และการฝึกอบรมและพัฒนา
อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มีประสบการณ์ที่กว้างขวางในด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (Tesla), การสำรวจอวกาศ (SpaceX), การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม (Starlink) และเทคโนโลยีอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้เขามีความเหมาะสมในการช่วยจัดการงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีและการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทที่คาดว่าจะได้รับผิดชอบ
ความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น
วิเวก รามาสวามี (Vivek Ramaswamy) เป็นนักธุรกิจและนักการเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการนำเสนอแนวคิดเพื่อการลดความซับซ้อนในระบบราชการและการส่งเสริมความโปร่งใสในองค์กรต่างๆ ด้วยประสบการณ์ในวงการการเงินและธุรกิจ เขาอาจมีแนวทางที่โดดเด่นสำหรับบทบาทนี้ในรัฐบาล
วิเวก รามาสวามี มีการนำเสนอแนวคิดของเขาในหนังสือที่แต่งขึ้น ชื่อว่า "Truths: The Future of America" ตามรูปหน้าปกหนังสือรูปที่ 4 ที่ตีพิมพ์ในเดือนกันยายน 2024 กล่าวว่า โดนัลด์ ทรัมป์ สามารถทำการเปลี่ยนแปลงเรื่องที่สำคัญต่อระบบราชการของรัฐบาลกลางผ่านการดำเนินการของฝ่ายบริหารเพียงอย่างเดียว
รูปที่ 4 หน้าปกหนังสือ Truths: The Future of America ภาพจากเว็บไซต์ newindiaabroad.com
ในหนังสือของเขา ได้ร่างแผนการดำเนินงานของ DOGE ในส่วนที่เรียกว่า "เส้นทางข้างหน้า" เขาได้วางแผนสามขั้นตอน
ขั้นตอนแรก คือการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการควบคุมรัฐการปกครองอย่างถาวร ได้ดำเนินการแล้ว โดยโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ก่อตั้งหน่วยงาน DOGE เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2024
ขั้นตอนที่สอง คือการฝังตัวของทนายความในทุกหน่วยงานเพื่อค้นหากฎระเบียบที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
และขั้นตอนที่สาม คือนำเสนอผลการค้นหาเหล่านี้ต่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งสามารถยุติกฎระเบียบผ่านคำสั่งของฝ่ายบริหาร และดังนั้นสามารถยกเลิกงานและอาจรวมถึงหน่วยงานทั้งหมดได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งสามารถวางรากฐานได้ ตราบใดที่ประธานาธิบดียินดีลงนาม
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทที่คาดว่าจะได้รับผิดชอบ
1. การลดความซับซ้อนในระบบราชการ
รามาสวามีอาจมุ่งเน้นการลดขั้นตอนและระดับชั้นของระบบราชการที่ซับซ้อน เพื่อลดต้นทุนการบริหารและปรับปรุงประสิทธิภาพ เช่น การรวมหน่วยงานที่ทำงานซ้ำซ้อน หรือการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อลดเอกสาร
รามาสวามีเคยประกาศเจตจำนงที่จะเลิกหน่วยงาน เช่น กระทรวงการศึกษา (Department of Education) และสำนักงานสรรพากร (IRS) โดยมองว่าหน่วยงานเหล่านี้มีบทบาทซ้ำซ้อนหรือไม่ได้ผลเท่าที่ควร
อาจผลักดันการกระจายอำนาจให้แก่รัฐหรือหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อลดภาระของรัฐบาลกลางและให้เกิดการตัดสินใจที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่
2. การส่งเสริมความโปร่งใสและความรับผิดชอบ
รามาสวามีอาจสนับสนุนการเผยแพร่ข้อมูลการทำงานของรัฐบาลให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย เช่น การเปิดเผยรายงานการใช้จ่ายและการตรวจสอบผลการทำงานของโครงการภาครัฐ
การลดการทุจริตในระบบราชการด้วยการใช้เทคโนโลยี เช่น Blockchain เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างมีความโปร่งใสมากขึ้น
อาจมีการเสนอระบบที่ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดชอบต่อการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือการละเมิดจริยธรรม
3. การใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงระบบราชการ
รามาสวามีอาจส่งเสริมการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชน เช่น ระบบการยื่นคำร้องออนไลน์ หรือการชำระเงินแบบดิจิทัล
AI สามารถช่วยลดภาระงานด้านเอกสารและการประมวลผลข้อมูลในหน่วยงานต่างๆ ทำให้เจ้าหน้าที่มีเวลามากขึ้นในการให้บริการประชาชน
4. การสร้างวัฒนธรรมแห่งความรับผิดชอบ
หน่วยงานแต่ละแห่งอาจได้รับเป้าหมายเฉพาะด้าน เช่น ลดเวลารอคอยบริการ หรือปรับปรุงอัตราความพึงพอใจของประชาชน
การสร้างวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับความเป็นผู้นำและการทำงานเชิงรุกในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐ
ความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น
เจ้าหน้าที่บางส่วนอาจไม่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลง เช่น การเลิกหน่วยงาน หรือการลดตำแหน่งงาน
การเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับการยกเลิกหรือปรับปรุงหน่วยงานรัฐอาจต้องผ่านขั้นตอนทางกฎหมายที่ใช้เวลานาน
ประชาชนอาจไม่มั่นใจว่าการลดขนาดของรัฐบาลจะส่งผลดีต่อคุณภาพของบริการ
ความรับผิดชอบหน้าที่ร่วมกันของอีลอน มัสก์และวิเวก รามาสวามี
ในฐานะผู้นำของโครงการที่มุ่งเน้นการปฏิรูปและลดความซับซ้อนของระบบราชการ อีลอน มัสก์และวิเวก รามาสวามีอาจมีความรับผิดชอบร่วมกันในหลายด้านที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประสิทธิภาพและความโปร่งใสในภาครัฐ โดยเน้นการวัดผล การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และการฝึกอบรมและพัฒนา
1. การวัดผลการปฏิบัติงาน (Performance Measurement)
ทั้งสองอาจทำงานร่วมกันในการกำหนด Key Performance Indicators (KPIs) ที่ใช้วัดผลการดำเนินงานของหน่วยงานราชการ เช่น:
อีลอน มัสก์อาจนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เช่น การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มาช่วยวิเคราะห์และติดตามผลการดำเนินงานอย่างเรียลไทม์
รามาสวามีอาจรับผิดชอบการสื่อสารผลลัพธ์ต่อสาธารณะ เพื่อเพิ่มความโปร่งใส เช่น การเผยแพร่รายงานผลการดำเนินงานประจำปีหรือรายไตรมาส
2. การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement)
ร่วมกันพัฒนากระบวนการทำงานที่เรียบง่ายและลดความซ้ำซ้อนในหน่วยงานรัฐ
อีลอน มัสก์และวิเวก รามาสวามีอาจทดลองแนวคิดใหม่ๆ ในหน่วยงานขนาดเล็ก ก่อนขยายผลไปยังระดับประเทศ
3. การฝึกอบรมและพัฒนา (Training and Development)
ทั้งสองอาจวางแผนโครงการฝึกอบรมที่ช่วยพัฒนาทักษะของเจ้าหน้าที่รัฐในด้านต่างๆ เช่น:
ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่รัฐพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เช่น การเข้าร่วมเวิร์กช็อปออนไลน์หรือการศึกษาด้วยตนเองผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
แนวทางการทำงานร่วมกัน
ทั้งสองอาจจัดตั้งทีมงานที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน
การกำหนดเป้าหมายร่วมกันที่เข้าใจง่ายและสามารถสื่อสารต่อประชาชนได้
ความสำคัญของการทำงานร่วมกัน
การทำงานร่วมกันของอีลอน มัสก์และวิเวก รามาสวามีในบทบาทเหล่านี้จะช่วยเสริมจุดแข็งของทั้งสองฝ่าย:
ทั้งนี้จะทำให้รัฐบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้นและได้รับความไว้วางใจจากประชาชน.
การทำงานร่วมกันระหว่าง อีลอน มัสก์ และ วิเวก รามาสวามี ในโครงการที่มุ่งเน้นการปฏิรูประบบราชการและเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาล เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ ด้วยการผสานความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของทั้งสองบุคคล ความร่วมมือดังกล่าวมีความสำคัญในหลายมิติ ดังนี้:
1. การรวมจุดแข็งเฉพาะตัวของแต่ละฝ่าย
เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและการใช้เทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระบบอัตโนมัติ และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการในระบบราชการ
มีประสบการณ์ในด้านการบริหารงานองค์กรและการลดความซับซ้อนของระบบ โดยเน้นการปรับปรุงโครงสร้างระบบราชการให้โปร่งใสและรับผิดชอบต่อสาธารณะ
เมื่อผนึกกำลังกัน ทั้งสองสามารถสร้างแนวทางการแก้ปัญหาที่ครอบคลุมทั้งด้านเทคโนโลยีและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
2. การสร้างเป้าหมายร่วมกัน
3. การแก้ปัญหาที่ซับซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพ
การปฏิรูประบบราชการและการลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลเป็นงานที่ซับซ้อนและท้าทาย การทำงานร่วมกันจะช่วย:
4. การสร้างความน่าเชื่อถือและแรงสนับสนุน
5. การพัฒนาแนวทางที่ยั่งยืน
6. ส่งเสริมการทำงานเป็นทีมและสร้างแรงบันดาลใจ
7. เพิ่มโอกาสในการปรับปรุงระบบราชการทั่วประเทศ
ด้วยบทบาทและความรับผิดชอบที่เชื่อมโยงกันในหลากหลายด้าน การทำงานร่วมกันช่วยให้สามารถขยายผลการปฏิรูปไปยังหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
สรุป การทำงานร่วมกันระหว่างอีลอน มัสก์และวิเวก รามาสวามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบรรลุเป้าหมายของโครงการ ทั้งในแง่ของการพัฒนาประสิทธิภาพ การสร้างความโปร่งใส และการลดความซับซ้อนของระบบราชการ ความร่วมมือของทั้งสองสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ช่วยสร้างรัฐบาลที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนมากขึ้นและมีความยั่งยืนในระยะยาว.
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของ ดร. สุชาติ มั่นคงพิทักษ์กุล นักรัฐประศาสนศาสตร์ และนักวิชาการอิสระด้านนโยบายสาธารณะ กล่าวว่า ถึงแม้ว่า แนวคิดทั้งสองของผู้นำ DOGE ในการต้องการปรับตัวเลขการลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง และ จำนวนข้าราชการลดลง เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนักซึ่งมีเรื่องข้อจำกัดเวลาเพียงหนึ่งปีครึ่งเท่านั้น
แต่ด้วยความสามารถของผู้นำทั้งสองของหน่วยงาน DOGE อาจจะสามารถบริหารจัดการเพื่อให้เป็นไปตามกรอบของเวลาได้สำเร็จ โดยมีการแบ่งอำนาจหน้าที่ตามความถนัดและเหมาะสมอย่างชัดเจน และมีการสื่อสารทำความเข้าใจในกรอบแนวคิดในการเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ตามรูปที่ 2 กรอบแนวคิดรัฐบาลประสิทธิภาพสหรัฐอเมริกา ด้วยความเข้าใจอย่างถูกต้อง และสามารถนำโครงการ หรือนโยบายต่าง ๆ ไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตรงเวลา เว้นเสียแต่ว่าเกิดความขัดแย้งขึ้นของผู้นำทั้งสองของหน่วยงาน DOGE ซึ่งจะเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ในการฝ่าด่านการเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาลทันที
สุดท้ายแล้วสิ่งที่ถูกนำเสนอแนวคิดในการปฏิรูประบบราชการ ด้วยวิธีอันก้าวร้าวของสองผู้นำหน่วยงาน DOGE เป็นสิ่งท้าทายอย่างใหญ่หลวง เพราะเริ่มต้นด้วยความกลัวและการตัดงบประมาณ คุณอาจพบกับการต่อต้านจากหลายคน ถึงแม้เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยม ด้วยวิธีการนำเสนอกรอบแนวคิด ที่มีความสำคัญมากในยุค AI และที่สำคัญในการสร้างการมีส่วนร่วมของข้าราชการรัฐบาลกลาง จะเป็นประโยชน์ต่อการบรรลุผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องการอย่างแน่นอน
บรรณานุกรม: